ปฏิบัติสมาธิแล้วได้อะไร
ปฏิบัติสมาธิแล้วได้อะไร
ถ้ามีคนถามท่านว่า ปฏิบัติสมาธิแล้วได้อะไร? ก็สามารถตอบได้เลยว่า การฝึกสมาธิในแบบของพระพุทธศาสนา ก็คือ การฝึกให้มีสติอยู่กับตัว และอีกอย่างหนึ่งก็คือ การฝึกความคิดให้มีระเบียบ เมื่อต้องการจะคิดเรื่องไหนก็มีแต่เรื่องนั้น ไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาแทรก อย่างที่ภาษาทางตะวันตกเรียกว่า มีสมองเป็นลิ้นชัก เมื่อต้องการจะคิดเรื่องไหน ก็ชักลิ้นชักเรื่องนั้นออกมา การฝึกความคิดให้มีระเบียบเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ง่ายนัก ถ้าหากว่าเรื่องที่กำลังคิดอยู่นั้น ไม่เป็นที่ดึงดูดแก่จิตใจอย่างเพียงพอ เรื่องที่จะนำมาคิดในขณะที่อยู่ในสมาธิ จะต้องเป็นเรื่องทำให้เกิดความสบายใจ จึงจะดึงดูดจิตใจไว้ได้ และถ้าหากยิ่งเข้าใจยิ่งคิดยิ่งสบายใจ ก็ยิ่งจะดึงดูดจิตใจมากขึ้น การฝึกสมาธิเป็นการฝึกความคิดให้มีระเบียบ อย่าลืมว่า ผู้ที่จะมีความคิดเป็นระเบียบจะต้องมีสติกำกับอยู่ทุกขณะ ถ้าหากคนไหนสะสมวิบากของความฟุ้งซ่านไว้มากจะสังเกตได้ในเวลาพูด หรือในเวลาทำอะไรก็ตามจะเห็นได้ชัดว่า เป็นคนทำอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่มีระเบียบไม่มีจุดหมายแน่นอน ในเมื่อภายนอกเป็นเช่นนี้แล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภายในความคิดของเขาจะเป็นอย่างไร อีกประการหนึ่งการฝึกสมาธิเป็นการส่งเสริมสุขภาพจิตให้ดีขึ้น เหมือนเราออกกำลังกายทุกวันร่างกายเราก็แข็งแรงขึ้นทุกวัน ในทำนองเดียวกัน การฝึกสมาธิก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำทุกวันเหมือนกัน เพราะถ้าคนไหนไม่หมั่นฝึกสมาธิเสมอ วิบากของความฟุ้งซ่านก็จะเกิดขึ้นเสมอ และมากขึ้นโดยลำดับ คนทุกวันนี้เป็นโรคนอนไม่หลับกันมาก แม้กระทั่งเด็กที่อยู่ในวัยซึ่งไม่ควรจะเป็นก็เป็น การนอนไม่หลับเป็นสาเหตุที่จะนำไปสู่โรคประสาทและโรคอื่น ๆ ได้อีกหลายอย่าง เพราะฉะนั้น จึงเป็นความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องฝึกสมาธิไว้เสมอ ถ้าหากไม่ต้องการจะเป็นโรคประสาท และเป็นการเพิ่มพูนสมรรถภาพให้แก่สมองไม่ต้องปวดหัวคิดมากในเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะคนที่มีสมาธินั้นย่อมไม่ฟุ้งซ่านคิดในเรื่องไม่เกิดประโยชน์ทำให้เสียเวลาเปล่า ๆ บ้างคิดมากก็อาจจะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ ฉะนั้นคนที่ฝึกสมาธินอกจากจะเป็นการฝึกสติให้อยู่กับตัวแล้วก็เป็นการฝึกความคิดให้เป็นระเบียบ ส่งเสริมสุขภาพจิต และยังเป็นการส่งเสริมสมรรถภาพทางสมองด้วย นี่คือสิ่งที่คิดว่าเราได้จากการฝึกสมาธิ