หลักธรรมในการกินเจ
13 มิ.ย.52 13:58 น. ผู้ชมจำนวน 18838
ในทัศนะของคนกินเจ การกินที่ทำให้ชีวิตผู้อื่นต้องเดือดร้อนล้มตายนั้น มันมากเกินไป ทั้ง ๆ ที่มนุษย์กินแต่อาหารพืชผักก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ คนกินเจไม่กินเนื้อ ไม่ใช่เพราะรังเกียจหรือหวาดกลัวโรคภัยจากสัตว์ แต่เป็นเพราะต่างพากันสะดุ้งสะเทือนที่ได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญจากสัตว์ทั้งหลาย ไม่มีคนกินเจคนไหน ทนเห็นผู้อื่นต้องถูกฆ่าโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดร้าวรานใจได้
คนประเภทไหนกัน ที่สามารถมองดูผู้อื่นถูกฆ่าตายอย่างทุกข์ทรมาน และได้ยินเสียงร้องขอชีวิตแล้วก็ยังนิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลย บรรดาสัตว์ทั้งหลายพูดวิงวอนไม่ได้ เพียงแต่มนุษย์ไม่กินเนื้อก็ช่วยให้สัตว์นับพันนับหมื่นชีวิตรอดตายได้
การกินเจ ตั้งมั่นอยู่บนหลักธรรมสำคัญ ๒ ประการคือ
ข้อที่ ๑. ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น กล่าวคือ
- ไม่เอาชีวิตของสัตว์ทั้งหลายมาต่อเติมบำรุงเลี้ยงชีวิตของตน
- ไม่เอาเลือดของสัตว์ทั้งหลาย มาเป็นเลือดของตน
- ไม่เอาเนื้อของสัตว์ทั้งหลาย มาเป็นเนื้อของตน
ข้อที่ ๒. ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนตนเอง
การรับประทานสิ่งใดก็ตาม ที่ทำลายสุขภาพของร่างกายของตนให้ทรุดโทรมคือ การเบียดเบียนตนเอง ปัจจุบันวิทยาการเจริญก้าวหน้าได้พิสูจน์ยืนยันว่า เลือดและเนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่าตายเต็มไปด้วยพิษภัยมากมาย
นอกจากนี้คนกินเจต้อไงม่บริโภคผักฉุนทั้ง ๕ ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุ้ยฉ่าย และใบยาสูบ เพราะพืชผักทั้ง ๕ ชนิดนี้ แม้ไม่ใช่เนื้อสัตว์ แต่ให้ผลร้ายต่ออวัยวะหลักสำคัญของร่างกาย
ดังนั้นการกินเจ จึงไม่ใช่เพื่อให้เกิดผลดีต่อจิตใจเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงการมีสุขภาพพลานามัยที่ดีอีกด้วย ร่างกายและจิตใจเป็นของคู่กัน มีความสัมพันธ์ส่งผลถึงกัน คนเราย่อมไม่อาจจะรู้สึกเบิกบานสดชื่นร่าเริงได้ในขณะที่ร่างกายเจ็บป่วยทรุดโทรมย่ำแย่