บารมีธรรมพระพรหมโมลี
(วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.9)
สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสว่า
"บุรุษใดทำกรรมเหล่าใดไว้ เขาย่อมเห็นกรรมเหล่านั้นในตนผู้ทำกรรมดีย่อมได้รับผลดี ผู้ทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่ว บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น" (จุลลนันทิยชาดก ขุ. ชา ทุก. มก. 57-294/389)
ธรรมภาษิตบทนี้ มีสาระสำคัญ 4 ประการ คือ..
1.ผู้ใดทำกรรมดีหรือกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลกรรมนั้น ด้วยตนเอง
2.ผู้ใดทำดี จะได้ผลดี
3.ผู้ใดทำชั่วจะได้ผลชั่ว
4.ผลของกรรมเปรียบเทียบได้กับการออกผลของพืช เมื่อปลูกพืชชนิดใดจะได้เก็บผลของพืชชนิดนั้น
ดังปรากฎให้เห็นเป็นประจักษ์แล้วกับธรรมบารมีของพระเดชพระคุณพระพรหมโมลี(วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.9) อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตเจ้าอาวาสวัดยานนาวาที่ถึงแก่มรณภาพขณะปฏิบัติศาสนกิจ ในดินแดนแห่งการรำลึกถึงความกตัญญูกตเวที ณ เมืองทวาย สหภาพพม่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม 2544
สิ่งที่เห็นประจักษ์ถึงผลกรรมดีที่ตอบสนองแด่พระเดชพระคุณก็คือผู้เคารพนับถือที่ยังอยู่ข้างหลัง ซึ่งประกอบด้วย
พระครูวิสุทธิ์กัลยาณกิจ เจ้าอาวาสวัดบรมสถล(วัดดอน)อดีตพระพี่เลี้ยงและคณะ ศิษยานุศิษย์ที่ได้พร้อมใจกันสร้างวิหารตรีมุขทรงศิลปไทยผสมผสานกับศิลปมอญขึ้นบริเวณ ด้านหน้าของวัดพร้อมกับสร้างรูปเหมือนเท่ากับองค์จริงไว้เป็ยปูชนียสถานและปูชนียวัตถุสำคัญ ทางพระพุทธศาสนาเพื่อการรำลึกและสักการะบูชาแก่ผู้มองเห็นถึงบารมีธรรม
เป็นที่ทราบกันอย่างแพร่หลายว่า "พระพรหมโมลี" เป็นพระมหาเถระที่มากล้นด้วย ความมั่นคงในกตัญญูกตเวทิตาต่อสมเด็จพระชินวรสัมมาสัมพุทธเจ้าและผู้มีพระคุณทั้งหลาย ทั้งปวง
นับตั้งแต่ยังเป็นสามเณรน้อยพำนักอยู่ในวัดบรมสถล(วัดดอน)พระเดชพระคุณท่านได้รับถวายภัตตาหาร บิณฑบาตจากบรรดาโยมชาวทวายจนเติบใหญ่ขึ้นเป็นพระมหาเถระและต่อมาเมื่อได้รับการแต่งตั้งให้ดำรง ตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดยานนาวาคณะญาติโยมชาวทวายก็ยังติดตามเข้าถวายภัตตาหารคาวหวานอันประณีต มิได้ขาด
ด้วยรำลึกถึงข้าวแดงแกงร้อนของชาวทวาย พระเดชพระคุณท่านจึงตั้งใจอยู่เสมอว่าสักวันหนึ่งจะต้อง เดินทางไปตอบแทนบุญคุณต่อชาวทวายให้ถึงเมืองทะวายให้จงได้
แล้วเจตนาอันเป็นกุศลจิตก็เป็นจริง เมื่อเวลาประมาณ 15.30น.ของวันที่ 11 มกราคม 2544 ขณะลงจากเครื่องบินที่สนามบินทะวาย หลายคนก็ได้เห็นหญิงสาวชาวทวายหลายคนแต่งตัวสวยงามเหมือน นางฟ้ายืนอยู่ 2 แถวคอยให้ต้อนรับ พร้อมกับก้มลงกราบแทบเท้าพระเดชพระคุณท่านและคณะสงฆ์ นับเป็นภาพที่งดงามและมหัศจรรย์ภาพสุดท้ายของชีวิต ด้วยเมื่อค่ำของคืนวันนั้นเอง พระเดชพระคุณท่านก็ถึงแก่มรณภาพ
เมื่อวาระแห่งการมรณภาพได้เวียนมาบรรจบครบรอบ 3 ปี ในวันที่ 11 มกราคม 2547 พระครูวิสุทธิ์ กัลยาณกิจ เจ้าอาวาสวัดดอน อดีตพระพี่เลี้ยงพระสหธรรมิกผู้มีความเคารพนับถือและคณะศิษยานุศิษย์จึง ได้จัดงานบำเพ็ญกุศลถวายเป็นมุธิตาจิตสักการะ
โดยมีพระพรหมวชิรญาณ(ประสิทธิ์ เมขังกโร) เจ้าอาวาสวัดยานาวากรรมการ มหาเถรสมาคม เป็นประธานในพิธี
ขออำนาจบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญกุศลถวายจงอำนวยอิฐวิบูลมนุญผลเพิ่มเติมเสริมบารมีธรรม แด่พระพรหมโมลี(วิลาศ ญาณวโร)ในสัมปรายภพ ทุกประการ
ณ.หนูแก้ว
พิมพ์ไทย พฤหัสบดีที่ 15 มกราคม 2547