พลังแห่งสมาธิ
นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ เริ่มศึกษาเรื่องสมาธิเมื่อเกือบ 40 ปีก่อน ไม่กี่ปีให้หลังแพทย์หัวใจคนหนึ่งของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ก็เริ่มฝึกให้ผู้ป่วยโรคหัวใจในเทคนิคนี้ และพอใจกับผลการฝึกสมาธิ เมื่อความดันโลหิตและการทดสอบความเครียดลดลงอย่างมาก
บรรเทาอาการปวดศรีษะไมเกรน ผู้ที่ทรมานกับอาการปวดพบว่า ความถี่หรือความรุนแรงของอาการลดลงร้อยละ 32 หลังบำบัดด้วยสมาธิ
บรรเทาอาการโรคสะเก็ดเงิน ผื่นผิวหนังในผู้ป่วยที่ฟังเทปฝึกสมาธิระหว่างบำบัดด้วยการอาบแสงอัลตราไวโอเลต มีอาการดีขึ้นเร็วกว่าผู้ที่ไม่ได้ฟังเทปถึง 4 เท่า
อาการปวดเรื้อรัง ในปี 2538 มีหลักฐานเพิ่มเติมว่า เทคนิคการผ่อนคลาย เช่นการทำสมาธิเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ และช่วยลดความทรมานให้ผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง
มะเร็งบำบัด แม้การทำสมาธิจะไม่ใช่วิธีการรักษาโรคมะเร็ง แต่เมื่อทำสมาธิบรรเทาอาการปวดเรื้อรังได้ ก็จะช่วยผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ให้รับมือกับอาการปวดและผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ในทำนองเดียวกัน เหตุใดการนั่งเงีียบๆจึงมีพลังบำบัดโรคดังกล่าว แพทย์หัวใจอธิบายว่า การทำสมาธิมีผลต่อการทำงานทางสมองโดยเฉพาะระบบประสาทซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการเผาผลาญ ความดันโลหิต การหายใจ และอัตราการเต้นของหัวใจ นักจิตวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วยตัวเอง เธอใช้เวลา 1 ปี ในห้องปฏิบัติการฝึกให้ผู้ป่วยที่เข้าการผ่าตัดทำสมาธิด้วยการหายใจง่ายๆ 2 นาที
"ผู้ป่วยมีความกังวลน้อยลง และรับมือกับการผ่าตัดได้ดีขึ้น" เธอกล่าว พวกหมอก็ชอบ เพราะเมื่อความดันโลหิตของคนใข้ลดก็จะเสียเลือดน้อยและการผ่าตัดก็ใช้เวลาน้อยลงด้วย บริษัทใหญ่ที่สหรัฐฯ ก็เริ่มนำสมาธิมาใช้ประโยชน์ในการทำงานของพนักงาน พนักงานได้ฝึกสมาธิ พบว่าสามารถจดจ่อกับภาระกิจแต่ละอย่างได้เต็มที่ รวมทั้งเลิกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่มาถึง ส่งผลให้คุณภาพและปริมาณงานที่ได้พัฒนาขึ้นมาก
พลังแท้จริงของสมาธิไม่ได้มาจากเวลาที่ใช้ฝึกเท่านั้น แต่ยังมาจากบทเรียนที่ได้จากการฝึกสมาธิ นั่นคือความผ่อนคลายและการมีสติอยู่เสมอ เพียงรู้จักวิธีกำหนดลมหายใจ คุณก็สามารถทำสมาธิได้ทุกที่ทุกเวลา ลองฝึกทำดูแล้วจะได้ประโยชน์อย่างแท้จริง